ถึงเวลาที่คนรัก MUSEUM รักศิลปะและนักสะสมจะมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานครั้งประวัติศาสตร์ MUSEUM MANIA ซึ่งจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ ที่ริเวอร์ซิตี้ แบงค็อก
นิทรรศการประมูล MUSEUM MANIA
ชมนิทรรศการและร่วมการประมูลผลงานศิลปะที่ทรงคุณค่า พร้อมสำรวจประวัติศาสตร์ศิลปะไทยสมัยใหม่ใน MUSEUM MANIA ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง The Art Auction Center และ RSF Art Clinic
(Restaurateurs Sans Frontières Art Clinic) ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์และปกป้องรักษางานศิลปกรรมที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับระดับนานาชาติมาอย่างยาวนาน ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี
คอนเซ็ปท์การจัดนิทรรศการ
นิทรรศการ จัดภายใต้แนวคิดผลงานที่ทรงคุณค่าระดับพิพิธภัณฑ์ อันมีความสำคัญต่อวงการศิลปะไทยในหลากหลายช่วงเวลา ซึ่งท่านสามารถร่วมการประมูลเป็นเจ้าของได้ชมนิทรรศการในบรรยากาศของพิพิธภัณฑ์ในอุดมคติ ซึ่งได้ร้อยเรียงเรื่องราว 2 ศตวรรษของประวัติศาสตร์ศิลปะไทยสมัยใหม่
โดยแบ่งออกเป็น 5 ยุค จากรากฐานตั้งแต่ยุคสยามศิวิไลซ์ในสมัยรัชกาลที่ 5 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งศิลปะไทยสร้างสรรค์จากความหลากหลาย โลกาภิวัตน์และยุคสมัยแห่งดิจิตัล
ผศ.ดร.วิชญ มุกดามณี คณบดี คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์
งานนี้ได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.วิชญ มุกดามณี คณบดี คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มาร่วมร้อยเรียงเรื่องราวของนิทรรศการและผลงาน
“พิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย ผมเชื่อว่ามาพร้อมกับแนวความคิดที่เราอยากพัฒนาประเทศไปสู่ความศิวิไลซ์ เช่นเดียวกับชาติยุโรป ในประวัติศาสตร์แรกๆ ของการเกิดพิพิธภัณฑ์อาจจะยังไม่เผยแพร่เข้าสู่พื้นที่สาธารณะ แต่เป็นการรวบรวมผลงานโดยชนชั้นนำของประเทศ
“ผู้ที่ชื่นชมกับการมีพิพิธภัณฑ์ในช่วงเริ่มต้นก็คือกลุ่มคนที่มีความใกล้ชิดกับองค์ความรู้ในลักษณะนี้ เคยไปเห็นเคยได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกับชาวต่างประเทศ แต่เมื่อองค์ความรู้เรื่องนี้มีมากขึ้นในสังคม การเกิดพิพิธภัณฑ์ที่เป็นช่องทางที่คนทั่วไปสามารถเข้ามาเรียนรู้จึงเริ่มเปิดตัวมากยิ่งขึ้น”
“เมื่อเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ ไม่ใช่เพียงแค่เราไปเห็นผลงานศิลปะ ไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่ยังนำเสนอคุณค่าที่มากกว่านั้น ไม่ได้มีแค่คุณค่าของความเป็นงานศิลปะเพียงอย่างเดียว แต่เรายังได้เรียนรู้องค์ความรู้ต่าง ๆ เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เราได้เรียนรู้รสนิยม และที่สำคัญคือ เราได้เรียนรู้ว่าแนวความคิดของผู้ที่จัดสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาต้องการจะพูดถึงเรื่องอะไร เราได้เห็นถึงคุณค่าของการเกิดขึ้นของชาติ คุณค่าของการเกิดขึ้นของสังคม และคุณค่าของเชิงวัฒนธรรมวิถีชีวิตต่างๆด้วย” ผศ.ดร.วิชญ มุกดามณี กล่าว
รวมผลงานของศิลปิน
พบกับผลงานศิลปะชั้นเยี่ยมจากการสร้างสรรค์ของ กาลิเลโอ คินี – คาร์โลริโกลี – ศิลป์ พีระศรี (คอร์ราโด เฟโรชี) – ประกิต(จิตร) บัวบุศย์ – ระเด่น บาซูกิ
อับดุลลาห์ – จ่าง แซ่ตั้ง – ประเทือง เอมเจริญ – เขียน ยิ้มศิริ – อังคาร กัลยาณพงศ์ – ถวัลย์ ดัชนี – จักรพันธุ์ โปษยกฤต – อิทธิพล ตั้งโฉลก – ปรีชา เถาทอง – ศักดิ์วุฒิ- วิเศษมณี – อุดม แต้พาณิช – อเล็กซ์ เฟส – พัชรพล แตงรื่น – มอลลี่ – นิสา ศรีคำดี – กิตติ นารอด ฯลฯ
ผลงานศิลปะซึ่งจะนำเข้าสู่การประมูลมากกว่า 130 ชิ้น นอกจากจะมีคุณค่าทางสุนทรียภาพแล้ว ยังจะทำให้ตลาดศิลปะ นักสะสมและสาธารณชนทั่วไปสามารถทำความเข้าใจคุณค่าของศิลปะในแง่มุมที่กว้างมากขึ้น
นิทรรศการแสดงผลงานจัดระหว่าง วันที่ 12-22 ตุลาคม 2566 เวลา 11.00 -20.00 น. RCB Galleria 1 ชั้น 2 และ RCB Artery ชั้น 1 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก การประมูลผลงานจัดในวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2566 เริ่มลงทะเบียนเข้าร่วมงานประมูล เวลา 11.00-13.00 น. เริ่มประมูลผลงานเวลา 14.00 น. RCB Artery ชั้น 1 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก
อย่าพลาดมาเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการและการประมูล MUSEUM MANIA เพื่อร่วมดื่มด่ำสัมผัสคุณค่าของผลงานชิ้นเยี่ยมและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ศิลปะไทย 2 ศตวรรษในบรรยากาศของพิพิธภัณฑ์อันสมบูรณ์แบบ
ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่
https://www.facebook.com/theartauctioncenter
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line @theartauction และโทร. 065-097-9909
นิทรรศการประมูล MUSEUM MANIA เรื่องราวและคุณค่า ประวัติศาตร์ศิลปะไทย 5 ยุค
เดินทางไปสู่มิติของพิพิธภัณฑ์ชั้นนำระดับชาติ นำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์และคุณค่าของงานศิลปะไทย โดยแบ่งออกเป็น 5 ยุคตามลำดับเวลา คือ
ยุคที่ 1 สยามศิวิไลซ์และความสัมพันธ์กับศิลปินยุโรป
หลังการแผ่ขยายอิทธิพลของชาติตะวันตกโดยเฉพาะจากยุโรปมาสู่เอเชียในสมัยรัชกาลที่ 5
ช่างไทยโบราณซึ่งเคยทำงานศิลปะเพื่อเชิดชูและตอบสนองความต้องการของวัดและวัง ใกล้ชิดกับความเชื่อ ภูมิปัญญา ประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่นได้รับอิทธิพลจากองค์ความรู้และธรรมเนียมปฏิบัติสมัยใหม่ได้พัฒนาเรียนรู้แนวคิดของการทำงานศิลปะแบบตะวันตก หลังเสด็จประพาสยุโรป ในช่วงปี พ.ศ. 2440
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงซื้อผลงานศิลปะจากศิลปินตะวันตกจำนวนมาก ทั้งยังว่าจ้างศิลปินและสถาปนิกจากต่างประเทศให้มาทำงานในราชสำนัก สถาปนิกและศิลปินจากยุโรปที่มีบทบาทในสังคมสยาม อาทิ กาลิเลโอคินี มัณฑนากร จิตรกร และประติมากร ผู้วาดภาพตกแต่งเพดานโดมของพระที่นั่งอนันตสมาคม
คาร์โล ริโกลีจิตรกรผู้วาดภาพตกแต่งภายในพระที่นั่งอนันตสมาคม วังบางขุนพรหมและพระอุโบสถวัดราชาธิวาส และ คอร์ราโด เฟโรชี (ศิลป์ พีระศรี) ประติมากรผู้ปั้นพระบรมรูปของรัชกาลที่ 6 และพระบรมวงศานุวงศ์ และเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร
ศิลป์ พีระศรี ผู้ที่เป็น ศิลปิน นายช่าง และสถาปนิกชาวยุโรป กระตุ้นให้เกิดการนำเข้าองค์ความรู้ทางศิลปะถ่ายทอดไปสู่ประชาชนชาวไทย เกิดการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประยุกต์ใช้ศิลปะตะวันตกโดยศิลปินไทยเพื่อนำตอบรับพระราโชบายของราชสำนักและกลายเป็นรากฐานสำคัญของศิลปะสมัยใหม่ของประเทศในเวลาต่อมา
ยุคที่ 2 บุกเบิกการเรียนรู้และสร้างสรรค์ศิลปะของประเทศไทย
ในสมัยรัชกาลที่ 6 มีการก่อตั้งโรงเรียนเพาะช่าง เป็นโรงเรียนศิลปะแห่งแรกส่งเสริมและสืบสานศิลปะแนวประเพณี
เทคนิคช่างสิบหมู่ และมีการเรียนการสอนศิลปะแบบตะวันตกเพิ่มเติมด้วย พ.ศ. 2486 เมื่อมหาวิทยาลัยศิลปากรเปิด
นักเรียนเพาะช่างจำนวนมากได้เข้ามาศึกษาต่อและหลายท่านเป็นรากฐานสำคัญในการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยด้วย
หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ชนชั้นนำในประเทศไทยได้เดินทางไปศึกษาต่อในต่างประเทศทั้งด้านสถาปัตยกรรม ศิลปะ และการออกแบบ บางคนแม้ไม่ได้ศึกษาโดยตรง และมีประสบการณ์ในการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีโลกทัศน์ในการชื่นชมศิลปะอย่างชาวตะวันตกจึงได้นำความรู้กลับมาพัฒนาต่อยอด จนกลายเป็นศิลปินทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นมากมาย
ทั้งยังมีศิลปินจากต่างประเทศเข้ามามีบทบาทสร้างสรรค์ผลงานในแวดวงสังคมไทย และมีศิลปินผู้บุกเบิกก่อร่างสร้างศิลปะสมัยใหม่ในประเทศ โดยอาศัยการฝึกฝนและเรียนรู้นอกห้องเรียน นอกสถาบันการศึกษาศิลปะ สร้างอัตลักษณ์เฉพาะตัว ฝ่าฟันอุปสรรค จนกระทั่งได้รับการยอมรับ มีชื่อเสียง กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั้งในและนอกวงการ
ยุคที่ 3 จากโรงเรียนประณีตศิลปกรรมสู่มหาวิทยาลัยศิลปากร
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 คอร์ราโด เฟโรชีได้รับมอบหมายให้เปิดโรงเรียนสอนศิลปะแบบตะวันตกให้กับประชาชนชาวไทย โดยต่อตั้งโรงเรียนประณีตศิลปกรรมขึ้นมาและรวมเข้ากับโรงเรียนนาฏ
ดุริยางคศาสตร์ ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนศิลปากร ภายหลังยกระดับขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร
คอร์ราโด เฟโรชีภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น ศิลป์ พีระศรี มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการวางรากฐานการเรียนการสอนศิลปะร่วมกับคณาจารย์และนักปราชญ์ด้านศิลปะของประเทศไทย ลูกศิษย์ของท่านกลายเป็นศิลปินที่บุกเบิกสร้างสรรค์ผลงานศิลปะสมัยใหม่ นำหลักการและแนวคิดทางศิลปะตะวันตกเข้ามาประยุกต์และผสมผสานกับการ สร้างสรรค์ศิลปะของตนเอง
หลายท่านยังมีโอกาสได้ศึกษาเพิ่มเติมในต่างประเทศ ศิลปะไทยในยุคนี้เป็นลักษณะผสม (hybrid)
โดยการหยิบเรื่องราวทางวัฒนธรรมและประเพณีมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์
ยุคที่ 4 สืบสานปณิธานศิลป์ พีระศรี
หลังจาก ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2505 ศิลปินหัวก้าวหน้าจากรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากรสร้างสรรค์ผลงานในแนวสมัยใหม่ที่หลากหลาย น่าสนใจ และแปลกใหม่ ในเหตุการณ์เดือนตุลาคม พ.ศ. 2516 และ พ.ศ. 2519
ศิลปะแบบสัจสังคมนิยม (Socialist Realism) ได้ปรากฏให้เห็นมากขึ้นควบคู่กับแนวคิดศิลปะเพื่อชีวิต และการสร้างสรรค์ศิลปะเพื่อการรณรงค์การประท้วง และการเรียกร้องหวังผลในเชิงท้าทายและต่อต้านกระแสศิลปะเพื่อศิลปะ
อีกแนวทางศิลปะที่พัฒนาขึ้นอย่างชัดเจนในสังคมไทยคือศิลปะในรูปแบบของการสืบสานอัตลักษณ์ ทั้งเชิงรูปแบบและเนื้อหาจากประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น บอกเล่าภาพลักษณ์ “ความเป็นไทย” สู่สายตาชาวต่างชาติ
วงการศิลปะเกิดเวทีการประกวดที่ให้ความสำคัญกับผลงานจิตรกรรมแบบรากฐานของประเพณีไทยดั้งเดิม มีการจัดตั้งภาควิชาศิลปไทยในคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อส่งเสริมงานสร้างสรรค์ในลักษณะไทยประเพณีและลักษณะไทยสร้างสรรค์แนวทางที่ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้ปลูกฝังไว้
มาพัฒนาต่อยอดให้ศิลปะประเพณีไทยสามารถสื่อสารในบริบทของสังคมร่วมสมัยมากขึ้น ศิลปินสามารถเลือกทำงานได้ทั้งในเชิงอนุรักษ์ สืบสานจากแนวทางดั้งเดิม หรือว่าจะพัฒนาสู่แนวทางการสร้างสรรค์เฉพาะตัวที่ถ่ายทอดความเป็นไทย
ยุคที่ 5 ความหลากหลายจากโลกาภิวัตน์ ร่วมสมัย และยุคแห่งดิจิทัล
นับตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2530 จวบจนถึงปัจจุบันสังคมไทยได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมากมาย
ในช่วงปี พ.ศ. 2540 กับวิกฤตต้มยำกุ้ง วงการศิลปะของไทยได้รับผลกระทบความเฟื่องฟูของตลาดศิลปะและผลงานในแนวคอนเซ็ปชวลอาร์ตพบกับโจทย์ความท้าทาย กระแสศิลปะร่วมสมัยที่คำนึงถึงปัญหาในเชิงสังคมอันหลากหลาย
การวิพากษ์วิจารณ์ศิลปะกระแสหลักเติบโตขึ้นพร้อมกับพื้นที่และชุมชนทางศิลปะใหม่ๆ ปัญหาสังคมและความขัดแย้งทางการเมืองเป็นปัจจัยในการกระตุ้นให้ศิลปินรุ่นใหม่แสวงหาอิสรภาพและทางออกใหม่ในการสร้างสรรค์
การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีดิจิทัลนวัตกรรมล้ำสมัยต่างๆ
พลิกโฉมวงการศิลปะ ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานด้วยเทคนิคหลากหลาย เชื่อมโยงแนวความคิดและเทคนิคการทำงานเข้ากับกระแสความเป็นนานาชาติ ชี้นำสังคมและกระตุ้นความสนใจของนักสะสมด้วยภาษาทางศิลปะอันเป็นสากล หลายคนประยุกต์ใช้หรือหยิบยืมแนวทางศิลปะนอกกระแสมาสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการศิลปะร่วมสมัยกระแสหลักได้อย่างน่าสนใจ
ไม่ว่าจะเป็นศิลปะบนท้องถนน ศิลปะแบบป็อปอาร์ต ศิลปะแบบของเล่น (Toy Art) ศิลปะเชิงภาพประกอบ (Illustrative Art) ศิลปะดิจิทัล NFTs ให้กลายเป็นเครื่องมือในการสื่อสารกับผู้ดูและนักสะสม
เป็นกระแสความนิยมที่สะท้อนทิศทางของตลาดศิลปะในยุคที่ผันแปรไปกับกระแสของโลกออนไลน์ในปัจจุบัน
ผลงานไฮไลท์ นิทรรศการประมูล “MUSEUM MANIA” โดย The Art
Auction Center ร่วมกับ RSF Art Clinic