วันแรก จากโจฮันเนสเบิร์กไปยังเมืองพริทอเรีย
เริ่มต้นการเดินทางที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก จากท่าอากาศยานนานาชาติเคปทาวน์ประเทศประเทศแอฟริกาใต้ (นักท่องเที่ยวชาวไทยได้รับการยกเว้นการขอวีซ่า 30 วัน) ออกเดินทางสู่ “เมืองพริทอเรีย” เมืองแห่งดอกไม้สีม่วง(Pretoria) ซึ่งจะบานในเดือนตุลาคม เมืองหลวงด้านการบริหารของแอฟริกาใต้
จากนั้นเที่ยวชมเมืองพริทอเรีย เมืองหลวงของแอฟริกาใต้ มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ความงามของธรรมชาติ และประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่ผสมผสานกัน โดยมีสิ่งที่น่าสนใจและกิจกรรมหลากหลายให้เลือก อาจจะเที่ยวชมเมืองไปรอบๆ สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นและอาจถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของเมืองคือ ต้นแจ๊กการันดา (Jacaranda) ที่มีดอกสีม่วงสดบานสะพรั่งทำให้เมืองนี้ได้สมญานามว่า “City of Jacaranda” ซึ่งจะบานในช่วงเดือนกันยายน – ปลายตุลาคม ของทุกปี และเจาะจงเข้าชมในบางแห่งที่ท่านมีความสนใจเป็นพิเศษ อาทิ
อาคารสหภาพ อาคารรัฐบาลอันโดดเด่นและเป็นที่ตั้งของสำนักงานประธานาธิบดีแห่งแอฟริกาใต้ สวนที่สวยงามและสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่ต้องไปเยี่ยมชม
อนุสาวรีย์ Voortrekker อนุสรณ์สถานสูงตระหง่านที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ Voortrekkers ผู้บุกเบิกแห่งแอฟริกาใต้ ผู้เข้าชมสามารถสำรวจพิพิธภัณฑ์และเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของพริทอเรียจากด้านบน
พิพิธภัณฑ์บ้านครูเกอร์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พำนักของประธานาธิบดีพอล ครูเกอร์ โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับชีวิตของเขาและประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐแอฟริกาใต้
สวนสัตว์แห่งชาติ สวนสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกาใต้ มีสัตว์และแหล่งที่อยู่อาศัยหลากหลายชนิด รวมถึงสวนสัตว์เลื้อยคลานและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
สวนพฤกษศาสตร์พริทอเรีย หลีกหนีจากเมืองใหญ่และดื่มด่ำไปกับธรรมชาติที่สวนพฤกษศาสตร์อันเงียบสงบแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพืชพื้นเมืองและนกนานาชนิด
Freedom Park อนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์อันเจ็บปวดที่อุทิศให้กับการต่อสู้เพื่ออิสรภาพและประชาธิปไตยของแอฟริกาใต้ พร้อมทิวทัศน์มุมกว้างของพริทอเรีย
Church Square ใจกลางประวัติศาสตร์ของพริทอเรีย ล้อมรอบด้วยอาคารขนาดใหญ่ เช่น โรงละคร Old Capitol และ Palace of Justice ซึ่งเป็นที่ซึ่งเนลสัน แมนเดลาถูกพิจารณาคดี
เมลโรสเฮาส์ คฤหาสน์สไตล์วิคตอเรียนที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสวยงาม ซึ่งทำหน้าที่เป็นสำนักงานใหญ่ของอังกฤษในช่วงสงครามแองโกล-โบเออร์ครั้งที่สอง ปัจจุบันเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเป็นพิพิธภัณฑ์
เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ Groenkloof นอกพริทอเรีย เขตอนุรักษ์แห่งนี้มีเส้นทางเดินป่าและปั่นจักรยานเสือภูเขา รวมถึงโอกาสในการชมสัตว์ป่า เช่น ม้าลายและยีราฟ
พิพิธภัณฑ์ศิลปะพริทอเรีย สำรวจงานศิลปะของแอฟริกาใต้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 จนถึงปัจจุบันในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ซึ่งยังเป็นสถานที่จัดนิทรรศการและกิจกรรมชั่วคราวอีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้เน้นย้ำถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน ความงามของธรรมชาติ และความสำคัญทางวัฒนธรรม ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยว
จองที่พัก
Menlyn Residence – Luxury Studio Apartment
คอร์ทยาร์ด โฮเต็ล อาร์คาเดีย พรีตอเรีย
The Cradle of Humankind
The Cradle of Humankind เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจ ตั้งอยู่ใกล้เมืองโจฮันเนสเบิร์กและพริทอเรีย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกซึ่งมีชื่อเสียงในด้านความสำคัญในการทำความเข้าใจวิวัฒนาการของมนุษย์ ซึ่งประกอบด้วยความสำคัญดังนี้
มีแหล่งฟอสซิล Hominid แหล่งกำเนิดของมนุษยชาติมีเครือข่ายถ้ำหินปูนที่ซับซ้อนซึ่งมีซากฟอสซิลของ Hominids โบราณ บางแห่งมีอายุมากกว่าสามล้านปี ฟอสซิลเหล่านี้ให้ข้อมูลเชิงลึกอันล้ำค่าเกี่ยวกับต้นกำเนิดและพัฒนาการของมนุษยชาติ
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Maropeng ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Maropeng ทำหน้าที่เป็นประตูสู่แหล่งกำเนิดของมนุษยชาติ มีการจัดแสดงนิทรรศการเชิงโต้ตอบ การนำเสนอมัลติมีเดีย และการจัดแสดงที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ โบราณคดี และประวัติศาสตร์ธรรมชาติของพื้นที่
ถ้ำ Sterkfontein ในบรรดาสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในแหล่งกำเนิดของมนุษยชาติ ถ้ำ Sterkfontein ได้ค้นพบฟอสซิลที่สำคัญมากมาย รวมถึงตัวอย่าง Australopithecus africanus ที่มีชื่อเสียง “Mrs. Ples” นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจถ้ำด้วยบริการนำเที่ยวเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญทางธรณีวิทยาและการขุดค้นทางโบราณคดีที่เกิดขึ้นที่นั่น
ถ้ำมหัศจรรย์ จุดเด่นอีกประการหนึ่งของแหล่งกำเนิดแห่งมนุษยชาติ ถ้ำมหัศจรรย์เป็นห้องถ้ำที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค มีหินงอกหินย้อยที่น่าประทับใจ ทัวร์แบบมีไกด์จะพาผู้เยี่ยมชมไปลึกลงไปใต้ดินเพื่อประหลาดใจกับการก่อตัวของธรรมชาติของถ้ำและเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยาของถ้ำ
รวมทั้งกิจกรรมเดินป่าและกิจกรรมกลางแจ้ง นอกเหนือจากความสำคัญทางโบราณคดีแล้ว Cradle of Humankind ยังมอบโอกาสในการสำรวจและผจญภัยกลางแจ้งอีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับเส้นทางเดินป่า ดูนก และปิกนิกในภูมิประเทศที่สวยงามรอบๆ แหล่งฟอสซิลและถ้ำ
โดยรวมแล้ว Cradle of Humankind มอบภาพอันน่าทึ่งเกี่ยวกับมรดกและวิวัฒนาการของมนุษย์ที่มีร่วมกัน ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจในมานุษยวิทยา โบราณคดี และประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
ในการท่องเที่ยวเมืองพริทอเรีย และบริเวณใกล้เคียงนี้อาจใช้เวลาถึง 3 วัน 2 คืน โดยพักในเมืองพริทอเรียทั้งสองคืน
วันที่ 3 ออกจากเมืองพริทอเรีย – Sun city(Lost City)
Sun city หรือ Lost city เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มหาเศรษฐี ซอลเคิร์ซเนอร์ ลงทุนด้วยเงินถึง 28,000 ล้าน
บาท ใช้เวลาก่อสร้างนาน 18 ปี เนรมิตพื้นดินที่ว่างเปล่าและแห้งแล้งในแคว้น Bophutswana กลางแอฟริกาใต้ให้กลายเป็นเมืองแห่งความบันเทิงทุกรูปแบบ โดยการเริ่มสร้างโรงแรมหลายแห่ง ตั้งแต่โรงแรมเดอะซันซิตี้ โรงแรมเดอะคาบานาส โรงแรมเดอะคาสเคด และเดอะพาเลซ
The Palace หรือ Palace of the Lost City เป็นรีสอร์ทหรูหราที่ตั้งอยู่ภายในคอมเพล็กซ์ Sun City ในจังหวัดทางตะวันตกเฉียงเหนือของแอฟริกาใต้ ห้องพักมีตัวเลือกมากมาย รวมถึงห้องพัก ห้องสวีท และวิลล่า ทุกห้องทุกยูนิตตกแต่งด้วยการตกแต่งที่หรูหราและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย เพื่อให้มั่นใจถึงการเข้าพักที่สะดวกสบาย ก่อสร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมโคโลเนียนผสมแอฟริกัน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานอาณาจักรแอฟริกาที่สูญหาย ซึ่งประกอบด้วยโครงสร้างอันยิ่งใหญ่ กระเบื้องโมเสกที่สลับซับซ้อน และสวนอันเขียวชอุ่มชวนให้หวนนึกถึงยุคอดีต ผู้เข้าพักสามารถดื่มด่ำกับสิ่งอำนวยความสะดวกและกิจกรรมต่างๆ มากมาย รวมถึงสระว่ายน้ำหลายแห่ง ชายหาดส่วนตัว สนามกอล์ฟแชมเปี้ยนชิพ สปาหรู ร้านอาหารและบาร์ที่หลากหลายพร้อมมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารชั้นเลิศ
นอกจากนี้ในโครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก ความบันเทิง มากมายได้แก่ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ทะเลน้ำจืดที่แวดล้อมขุนเขาและต้นไม้ สนามกอล์ฟที่เคยจัดการแข่งขันระดับโลกมาแล้ว โรงภาพยนต์ ดิสโกเธค คาสิโน สวนสัตว์ และสวนพฤกษศาสตร์
Sun city เป็นดั่งเมืองขนาดย่อมที่ไม่เคยหลับไหลให้ผู้คนได้เข้ามาพักผ่อน หาความบันเทิง จับจ่ายใช้สอย รับประทานอาหาร และผ่อนคลายได้ตลอดเวลา
จองที่พัก
วันที่ 4 เดินทางจากเดอะซันซิตี้–อุทยานแห่งชาติพิลาเนสเบิร์ก ซาฟารี ส่องสัตว์ ตามหาบิ๊กไฟว
จองที่พัก
ที่พักในสไตล์ลอดจ์แบบแอฟริกันที่ได้รับอิทธิพลมาจากอังกฤษ หรูหรา สะดวกสบาย มีสระว่ายน้ำ และกิจกรรมต่างๆในรีสอร์ท ให้ท่านเพลิดเพลินตามอัธยาศัย มาถึงเข้าที่พัก
ช่าวบ่าย ออกไปนั่งรถเกมส์ไดร์ฟ (GAME DRIVE) เป็นการนั่งรถที่ขับออกไปยังที่โล่งธรรมชาติ เพื่อสัมผัสกับ BIG FIVE ท่องป่าซาฟารีในป่าพีลาเนสเบิร์ก ที่มีเนื้อที่กว่า 500 ตารางกิโลเมตร สัมผัสธรรมชาติอันสวยงาม โดยมีนายพรานซึ่งเป็นทั้งคนขบัและผู้บรรยายนำเที่ยวชมสัตว์ต่างๆ ออกเดินทางสู่เขตวนอุทยาน และป่าซาฟารีของเอกชน ชมสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ท้ัง 5 ของแอฟริกาคือ สิงโต แรด ควาย ป่า ช้าง และเสือดาว ไปจนถึงสัตว์น่ารักอย่างยีราฟ ม้าลาย ฮิปโปโปเตมัส และนกนานาชนิด จนพระอาทิตยล์บัขอบฟ้าจึงเดินทางกลับสู่ที่พัก
วันที่ 5 ท่องป่าซาฟารี-โจฮันเนสเบิร์ก
รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง เช้ามืดออกเดินทางท่องป่าซาฟารีรับอรุณในป่าพีลันเนสเบิร์ก(รอบสอง) รถที่จะพาไปชมสัตว์ เป็นรถแบบเปิดโล่ง นั่งได ้20 คน รถแต่ละคันมีน Ranger ซึ่งเป็นทั้งคนขับรถและไกด์คอยแนะนำ วิธีการชมสัตว์ให้ทราบ
กลับมารับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก
แล้วออกเดินทางไปยัง “เมืองโจฮันเนสเบิร์ก” (Johannesburg) หรือที่ชาวแอฟริกาใต้เรียกกันสั้นๆ วา่ “โจเบิร์ก” ซึ่งเป็นเมืองธุรกิจมากว่า 100 ปีแล้ว ได้รับฉายาว่า THE GOLD CITY ในช่วงศตวรรษที่ 20 มีการแบ่งแยกสีผิว ทำให้เกิดชุมชนต่างผิวขึ้นคนละมุมเมือง โดยแยกเป็นเมืองคนขาว คือ SANDTON และเมืองคนดำ คือ SOWETO เป็นเมืองลูกรายล้อมโจเบิร์ก ในปัจจุบันโจเบิร์กนั้นคลาคล่ำไปด้วยผู้คนและอาคารสูงทันสมัยไม่ต่างกับเมืองใหญ่ทั่วโลก
เดินทางสู่หมู่บ้านเรเซดี (Lesedi Cultural Village) หมู่บ้านวัฒนธรรมแห่งนี้ ชมวิถีชีวิตหลากหลายรูปแบบและ ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆ ของชาวแอฟริกาใต้ได้อย่างละเอียด ตั้งแต่รูปแบบบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ศิลปะการแสดง ซึ่งเป็นการการแสดงพื้นเมือง ของชาวเรเซดี
ช่วงบ่ายชมสวนสิงโต(Lion Park& Safari Park) ได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามของสิงโตเจ้าป่าอย่างใกล้ชิด รวมถึงสัตว์อื่นๆ อาทิ ม้าลาย ยีราฬ สปริงบ็อก เจมส์บอก เบลสบอก สัตว์พื้นถิ่นได้อย่างเต็มที่
หลังจากนั้นอาจไปชอปปิ้งที่เขตแซนตนั (SANDTON) และแมนเดลลา สแควร์ (MANDELA SQUARE) หรือลองรับประทานอาหารพื้นเมืองสไตล์แอฟริกัน (THE CARNIVORE) คาร์นิวอร์ ซึ่งเป็น BBQ หอมกรุ่น ท่ามกลางบรรยากาศแบบนีโอแอฟริกันอันโรแมนติก
จองที่พัก
เรดิสัน โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์
voco Johannesburg Rosebank an IHG Hotel
Courtyard Hotel Waterfall City
วันที่ 6 โจฮันเนสเบิร์ก – เคปทาวน์ – ชมเมือง – นั่งกระเช้าเทเบิ้ลเมาท์เทน
บินจากเมืองโจฮนัเนสเบิร์กสู่สนามบินเคปทาวน์ หลังรับประทานอาหารกลางวัน ออกชมเมืองเคปทาวน์(Cape Town) ซึ่งตั้งอยู่ในแหลมทางใต้สุดของประเทศ เป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศ และยังมีแหลมต่างๆ ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ แหลมกู๊ดโฮปและแหลมอากุลฮาส ซึ่งตั้งอยู่ปลายใต้ส้ดของทวีปแอฟริกา เป็นจุดที่มหาสมุทรแอตแลนติคและมหาสมุทรอินเดียมาบรรจบกันจึงทำให้มีอากาศแปรปรวน และบริเณเมืองริมฝั่งทะเลของเคปทาวน์นี้เป็นเส้นทางที่น่าท่องเที่ยว มีวิวทิวทัศน์ที่งดงามน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง
เดินทางไปยังสถานีเทเบิ้ล เมาท์เทน(Table Mountain) ภูเขาสูงยอดตัดตรงมีที่ราบบนเขากว้างใหญ่ กระเช้าไฟฟ้า หมุนรอบตัวเอง (Rotair Cable car) ทว่าช่วงที่ลมแรงหรือมีฝนตกจะหยุดให้บริการ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยนั้นเอง ด้านบนเขามีเส้นทางเดินลัดเลาะไปตามแนวขอบพื้นที่ราบ สามารถชมวิวได้ไกลไปจนถึงตัวเมืองเคปทาวน์เลยทีเดียว บนภูเขานี้มีสัตว์ตัวเล็กประเภทหนึ่งชื่อว่าตวัเดสซี่ หรือกระต่ายบิน (Dassie or Rock rabbit) มีลักษณะกึ่งผสมระหว่างกระรอกกับกระต่ายเป็นมิตรกับผู้คน เมื่อมองไปรอบๆ จะเห็นภูเขารายล้อม และที่โดดเด่น คือ ไลอ้อนเฮด (Lion Head) ภูเขาที่มองดูแล้วคล้ายกับหัวสิงโต ในเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าภูเขาลุกนี้มีสีแดงสวยงามยิ่งนัก
จองที่พัก
วันที่ 7 ล่องเรือชมเกาะแมวน้ำ – เคปพอยท์ – แหลมกู๊ดโฮป ชมความน่ารักของนกเพนกวิน
หลังอาหารเช้าไปลงเรือที่ท่าเรือฮูทเบย์ Hout bay เพื่อไปชมแมวนำที่เกาะดุยเกอร์ (Duiker Island) เหล่าแมวน้ำตัวอ้วนนอนเบียดเสียดอาบแดดกันเต็มเกาะตามธรรมชาติ แล้วแวะเยี่ยมเหล่าบรรดานกเพนกวินแอฟริกันที่ “เมืองไซมอน” (Simon’s Town) ที่มีบ้านเรือนตั้งลดหลั่นกันอยู่ตามเนินเขา หันหน้าออกทะเล ซึ่งเป็นบ้านเรือนของคนมีฐานะดี เมื่อมาถึงบริเวณชายหาดโบลเดอร์ เจ้าบ้านตัวน้อยเพนกวินแอฟริกัน ตัวผูมีสีสันมากกว่าตัวเมีย โดยเฉพาะบริเวณขอบตามีสีชมพูคล้ายแต้มสีอายแชโดว์ไว้
นกเพนกวินแอฟริกันเป็นเพนกวินขนาดเล็ก มีลำตัวยาวประมาณ 68–70 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 2–5 กิโลกรัม ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย เดิมได้ชื่อว่า “เพนกวินลา” (Jackass penguin) เนื่องจากมีเสียงร้องเหมือนลา ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเพนกวินแอฟริกัน เพราะเป็นเพนกวินเพียงชนิดเดียวที่พบได้ในทวีปแอฟริกา โดยจะพบได้ตามชายฝั่งแถบแหลมกูดโฮป ในแอฟริกาใต้ และพบได้มากที่สุด ที่ชายหาดโบลส์เดอร์ ริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นนกที่จับคู่อยู่เพียงคู่เดียวตลอดชีวิต มีพฤติกรรมการอยู่รวมกันเป็นนิคมใหญ่ เมื่ออากาศร้อนจะขุดหลุมฝังตัวในพื้นทรายและอ้าปากรับลมเพื่อระบายความร้อนออกจากตัว จัดเป็นเพนกวินอีกชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี แล้วเดินทางสู่แหลมแห่งความหวังหรือแหลมกู๊ดโฮป
เที่ยงรับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง ชิมกุ้งมังกรรสเลิศ Lobster หลังจากน้้นไปเที่ยวชมแหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope) ซึ่งอยู่ในเขตสงวน Cape of Good Hope Nature Reserve ปลายสุดแหลมมีประภาคารขนาดใหญ่ จะเห็นรอยตะเข็บที่มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแอตแลนติกมาบรรจบกันได้ชัดเจนบนผิวน ้า ซึ่งเป็นเหตุให้บริเวณนี้ท้องทะเลมักมีหมอกลงจัดอากาศแปรปรวน เนื่องจากกระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็นมาปะทะกัน ทำให้ยากต่อการเดินทางโดยทางเรือทั้งในสมัยโบราณและปัจจุบัน จุดชมวิวที่สวยที่สุดคือ Cape Point แล้วเดินทางสู่เมืองเคปทาวน์
วันที่ 8 เคปทาวน์ – ฟาร์มนกกระจอกเทศ – กรูทคอนสแตนเทียไวน์เทสติ้ง สนามบินเคปทาวน์
หลังอาหารเช้า เดินทางไปยัง West Coast Farm ฟาร์มเลี้ยงนกกระจอกเทศขนาดใหญ่ ชมและรับฟังเรื่องราวของการเลี้ยงนกกระจอกเทศ อันเป็นสัตวเ์ศรษฐกิจที่ทำรายได้ดีของที่นี่ หลังจากนั้นเที่ยวชมความงดงามที่ซ่อนเร้นของเมืองเคปทาวน์ เมืองเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า300 ปี ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ปลายสุดของแอฟริกาใต ้
เคปทาวน์เป็นเมืองหลวงด้านนิติบัญญัติของแอฟริกาใต้ มีทั้งประวัติศาสตร์เก่าแก่และความทันสมัยที่สุด และได้ชื่อว่าใจกว้างที่สุดของแอฟริกาใต้อีกด้วย เพราะที่เมืองนี้คนต่างสีผิวสามารถเดินเคียงบ่าเคียงกันได้ทุกสถานที่
หลังอาหารเที่ยงแวะชมไร่องุ่นและแหล่งผลิตไวน์กันที่กรูทคอนสแตนเทีย(Groot Constantia) พร้อมชมไวน์ ไวน์เอสเตทที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบดัตช์ ซึ่งยังคงรักษาอาคารบ้านเรือนสมัยเก่าไว้ได้ในสภาพที่ดีเยี่ยมและสวยงาม มีไร่องุ่นมากมายและเป็นไร่องุ่นที่ดี มีโรงงานผลิตไวน์แดง ชิมไวน์รสเลิศ
ออกเดินทางสู่สนามบินประมาณ 18.20 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ