แลปแลนด์ มากกว่าความหนาวเย็น

เพราะทุกฤดูกาลจะมีเรื่องราวแปลกใหม่ให้สัมผัสเสมอ อย่างไรก็ตาม โปรดรำลึกเสมอว่า แลปแลนด์ อากาศหนาวมากกกก ดังนั้นควรเตรียมร่างกายและเสื้อผ้า รวมถึงรองเท้าและอุปกรณ์ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายให้พร้อมก่อนจะออกไปผจญภัยกัน

Lapland
Photo by Leo Mengoli

ฟินแลนด์อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป บนเนื้อที่ 338,424 ตารางกิโลเมตรนั้นมีทะเลสาบและเกาะแก่งรวมอยู่ด้วยกันเป็นจำนวนมากมายอย่างเหลือเชื่อ  ฟินแลนด์มีทะเลสาบถึง 187,888 แห่ง ซึ่งทะเลสาบไซมา เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในฟินแลนด์ และใหญ่เป็นอันดับห้าของยุโรป

นอกจากนี้ยังมีเกาะถึง 179,584 เกาะ พื้นที่ส่วนใหญ่ของฟินแลนด์ปกคลุมด้วยป่าสน และมีพื้นที่เพาะปลูกไม่มากนัก  ภูมิประเทศทั่วไปของมีลักษณะเป็นที่ราบ โดยมีจุดสูงสุดของประเทศอยู่ที่ภูเขาฮัลติมีพรมแดนติดกับสวีเดน นอร์เวย์ และรัสเซีย เมืองหลวงซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของฟินแลนด์ คือ เฮลซิงกิ เมืองสำคัญอื่นๆ ได้แก่ เอสโป วันตา ตัมเปเร โอวลุ และตุรกุ  

Photo by Carlos “Grury” Santos

จากความหนาวเย็นและสภาพภูมิอากาศที่หนาวเหน็บจนน่าตื่นตาตื่นใจ สำหรับผู้อาศัยแถบเส้นศูนย์สูตรอย่างพวกเรา ดังนั้นเราจึงเลือกกิจกรรม อย่างเช่น ขี่เลื่อนกับเพื่อนๆ ฮัสกี้ ปีนภูเขาน้ำแข็ง ตกปลา นอนในอิกลู ยู้ฮูซานต้า.. คือสิ่งที่เราจะทำกันอย่างสนุกสนานในทริปนี้

Rovaniemi เมืองเกิดซานต้า

เริ่มแรกเลยเราก็จับรถไฟไปลงสถานี Rovaniemi ที่เป็นเมืองบ้านเกิดและบ้านของคุณลุงซานตาคลอส แต่ระหว่างทางนั้น เราก็มีกิจกรรมหนาวๆ มากมายให้แวะเที่ยวกัน เริ่มจาก Husky Safari ท่องป่าและพักค้างคืน โดยการนั่งเลื่อนที่ขับเคลื่อนโดยสุนัขอลาสก้าฮัสกี้ ที่จะเป็นเพื่อนเที่ยวกับเราไปตลอดการเดินทาง เจ้าน้องหมาฮัสกี้เหล่านี้ ขอบอกว่าเป็นเฟรนด์ลี่และกระตือรือร้น ที่จะลากเลื่อนมาก มันชอบที่จะได้ออกวิ่งและลากเลื่อนให้กับนักท่องเที่ยวอย่างสนุกสนาน เป็นสุนัขที่เอางานเอาการจริงๆ

แต่กว่าจะเป็นสุนัขลากเลื่อนได้นั้น ไม่ใช่ว่าฉันเกิดมาเพื่อการทำสิ่งนี้ แต่สุนัขเหล่านี้ต้องคัดเลือกสายพันธุ์และผ่านการฝึกฝนก่อนจะนำมาใช้งานได้ ก่อนออกเดินทาง แนะนำให้ไปดูสุนัขในฟาร์มเลี้ยง ดูวิธีการฝึกสุนัข และเรียนรู้การควบคุมสุนัข การใช้เบรค เพื่อการขับขี่เลื่อน เลื่อนหนึ่งชุดสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 2 คน คือที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าชมวิวสวยๆ เย็นๆ ส่วนผู้ควบคุมเลื่อนจะยืนด้านหลังคอยบังคับเลื่อนให้ไปในทิศทางที่ต้องการ

แลปแลนด์
Photo by Jukka Heinovirta

การใช้สุนัขลากเลื่อนจะเหมาะกับการเที่ยวชมธรรมชาติของแลปแลนด์ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่อาบด้วยแสงสีน้ำเงินกลางฤดูหนาว หรือ แสงสว่างความสดใสในฤดูร้อน แต่ไม่ว่าฤดูไหน ก็จะมีแต่เสียงแห่งความเงียบที่โอบล้อมรอบตัวเรา แต่เราก็จะไม่รู้สึกเหงาหรอกเพราะเรามีเพื่อนร่วมทาง 4-5 ตัว ที่วิ่งนำเราไปข้างหน้าด้วยความคึกคะนองยิ่ง ขอแนะนำว่า กิจกรรมนี้ควรพักค้างคืนในเคบินกลางป่า เพื่อสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

แสงเหนือและ Glass Igloo

และถ้าสภาพอากาศเป็นใจก็อาจได้เห็นแสงเหนือที่เขาตามหากันได้ง่ายๆ เลยทีเดียว แล้วอย่าลืมไปใช้บริการซาวน่าแบบชาวฟินแลนด์ดั้งเดิม ที่หลังออกจากห้องซาวน่าแล้วก็วิ่งไปแช่ในทะเลสาบน้ำแข็งเย็นๆ จะให้ความรู้สึกสดชื่นสบายตัว คลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางกระแทกกระทั้นบนเลื่อนไปได้อย่างดีทีเดียว    แต่ถ้าหากอยากได้ที่พักแบบที่จะประทับใจไม่รู้ลืม ก็ต้องลองไปพักใน Glass Igloo ที่ Kakslauttanen Arctic Resort  ที่จำลองบรรยากาศที่พักแบบอิกลู มาดัดแปลงแต่งเติมความทันสมัยใช้งานง่ายขึ้น

โดยเอกลักษณ์พิเศษของที่นี่ก็คือเพดานกระจกทำความร้อนในห้องนอน ที่สามารถมองเห็นวิวท้องฟ้าได้ตลอดวัน อีกทั้งตอนกลางคืน ก็จะได้นอนหลับท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และถ้าโชคดีก็สามารถนอนชมแสงเหนือได้อย่างอุ่นสบายในห้องได้เลย

แลปแลนด์
Cr.pic.: VisitLapland

กิจกรรมท้าทายที่ต้องลอง

ไหนๆ ก็ได้ไปในดินแดนเยือกแข็งแล้ว เราต้องไปต่อให้สุด ด้วยการปีนหน้าผาน้ำแข็งใน Pyha ซึ่งใช้เวลานั่งรถจาก Rovaniemi ไปอีกประมาณสองชั่วโมงครึ่ง สำหรับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปีนเขา แนะนำให้เลือกคอร์สเบสิคที่มีความปลอดภัย ให้เราปีนป่ายไปบนกำแพงน้ำแข็งสูงประมาณ 20 เมตร เพื่อรับประสบการณ์ใหม่ๆ ในดินแดนน้ำแข็ง

แต่ก็ต้องมั่นใจว่าร่างกายมีความพร้อมและแข็งแรงในระดับหนึ่ง เพราะต้องใช้แขนขาช่วยในการปีน ลงมาแล้วอาจจะเมื่อยแขนมากหน่อย ดังนั้นก่อนที่จะร่วมกิจกรรมนี้ก็ต้องสำรวจร่างกายตัวเอง และปรึกษากับผู้ฝึกสอนการปีนเขาน้ำแข็งก่อน จะได้เลือกคอร์สที่เหมาะกับความสามารถของเรา ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลายระดับ แม้แต่เด็กๆ ก็สามารถปีนได้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและคอยช่วยเหลือในการใช้อุปกรณ์ เชือก, ถุงมือ, ค้อน ฯลฯ ดังนั้นไม่ต้องห่วง คุณทำได้แน่นอน

แลปแลนด์
Photo by Ozgu Ozden

 แต่ถ้าปีนเขามันยากไป อยากจะแค่ชิลๆ บนลานน้ำแข็งล่ะก็ ลองเลือกทะเลสาบน้ำแข็งสักแห่งแล้วหาที่ตกปลากัน ซึ่งทริปนี้เราเลือกไปตกปลาในทะเลสาบอินาริ ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสามในประเทศฟินแลนด์ ที่นี่จะมีปลาหลายประเภท อีกทั้งเรายังเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติที่บริสุทธิ์งดงามของฟินแลนด์อีกด้วย วิธีการตกปลาก็ไม่ยาก เราจะเริ่มด้วยการใช้เครื่องมือเจาะน้ำแข็งที่มีหัวคล้ายๆ สว่าน หมุนๆๆ ลงไปในผืนน้ำแข็งให้มีรูที่สามารถตกปลาได้ จากนั้นเก้าอี้พร้อม เบ็ดพร้อม คนพร้อม ก็หย่อนเบ็ดลงไปในรูที่เจาะไว้ แล้วนั่งรอปลากินเบ็ดกันไปนิ่งๆ เพลินๆ ไป

กิจกรรมนี้จะมีบรรยากาศเหมือนมาปิคนิค จิบกาแฟอ่านหนังสือ ชมธรรมชาติในระหว่างที่รอปลากินเบ็ด แต่ถ้านั่งไปหลายเพลินแล้วไม่มีปลากินเบ็ดเลย ก็ควรต้องย้ายที่ เพื่อหาจุดเหมาะๆ ที่ปลาพวกนี้อยู่รวมกัน การตกปลาในทะเลสาบอินาริทำได้ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม  ไปจนถึงเดือนเมษายนกันเลย

แลปแลนด์
Cr.pic.: VisitLapland

 หลังจากท่องเที่ยวผจญภัยกันจนเหนื่อยอ่อน ก็ถึงเวลาไปรับพลังบวกจากคุณลุงซานตาคลอสกันแล้ว หมู่บ้านซานต้า ตั้งอยู่บนเส้นอาร์คติกเซอร์เคิล ในเมือง Rovaniemi ดินแดนแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเติมเต็มความฝันของเด็กทั่วโลก ให้มีโอกาสมาพบกับคุณลุงซานต้า ภายในหมู่บ้านมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับหิมะมากมาย มีร้านอาหาร ฟาร์มสุนัขฮัสกี้ ฟาร์มกวางเรนเดียร์ และยังมีบ้านและออฟฟิศสีสันสดใสของคุณลุงซานต้า

และยังมีที่ทำการไปรษณีย์ สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ต้องการส่งของขวัญหรือไปรษณียบัตรกลับบ้าน อีกทั้งยังสามารถถ่ายรูปกับคุณลุงซานต้าเป็นที่ระลึกในการมาเยือนอีกด้วย แต่ถ้าลุงซานต้าคิวยาวก็ลองไปเยี่ยมน้องกวางเรนเดียร์พาหนะของลุงซานต้า ลองไปหาดูสิว่า มีกวางเรนเดียร์จมูกแดงที่ชื่อรูดอล์ฟอย่างในเพลงที่ร้องกันบ้างไหม ถ้าให้ดีก็ทดลองนั่งเลื่อนหิมะ Reindeer Sleigh  ชมเมืองดูสักที เพื่อซึมซับบรรยากาศการเดินทางในแบบของซานต้า

แวะเฮลซิงกิ เมืองหลวงของฟินแลนด์

แลปแลนด์
Photo by Tapio Haaja

มีเวลาเหลือ เรามาปิดท้ายก่อนจบทริปด้วยการแวะเที่ยวเฮลซิงกิ เมืองหลวงของฟินแลนด์กัน เริ่มกันด้วย

มหาวิหารเฮลซิงกิ (Helsinki Cathedral) เป็นอีกหนึ่งแลนมาร์คของประเทศฟินแลนด์ นับเป็นโบสถ์ที่สำคัญที่สุดของเฮลซิงกิ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปีค.ศ. 1830-1852 ในอดีตเรียกว่าโบสถ์นิโคลัส สร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิกที่งดงามและทรงคุณค่า ตั้งเด่นตระหง่าน อยู่กลางเมืองเฮลซิงกิ 

โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ (Temppeliaukio Church)

Crane.tvhttps://www.youtube.com/watch?v=eSYDlTFxUNI

หรือที่รู้จักกันในนามโบสถ์หิน (Rock Church) หรือโบสถ์แห่งความรัก นั่นเพราะโบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1968 และก็สร้างเสร็จในวันเดียวกันของปีถัดมา และด้วยความที่เริ่มก่อสร้างและสำเร็จในวันวาเลนไทน์ ทำให้มีความเชื่อกันว่าใครก็ตามที่มาจุดเทียนอธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องความรักที่โบสถ์แห่งนี้มักจะสมหวังกลับไป

จึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาจัดพิธีแต่งงานที่นี่ ถือเป็นเคล็ดที่ทำให้รักกันมั่นคงตลอดไป

เหตุที่บางคนเรียกว่าโบสถ์หิน ก็เพราะว่ามองจากภายนอกแล้ว ตัวโบสถ์ดูเหมือนภูเขาหินแกรนิตเตี้ยๆ นั่นเพราะโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นโดยการระเบิดชั้นหินให้เป็นโพรงลงไปในใต้ดิน โดยการออกแบบของ Timo และ Tuomo  Suomalainen สองพี่น้องสถาปนิกชาวฟินแลนด์ ภายในโบสถ์ตกแต่งอย่างทันสมัย กำแพงด้านในโบสถ์ สร้างด้วยหินให้เหมือนธรรมชาติ ส่วนด้านบนมีช่องระบายอากาศและโปร่งให้แสงเข้าได้ หลังคาประดับด้วยลวดทองแดงหนา 1 นิ้ว นำมาขดเป็นวงกลมใหญ่ๆ ประดับไว้อย่างสวยงาม

Kauko Helavuo, https://www.youtube.com/watch?v=UbWb-zy85cc

อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส (Sibelius Monument) ตั้งอยู่ใน Sibelius Park สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้แก่ Jean Sibelius นักประพันธ์เพลงคลาสสิกชื่อดังชาวฟินแลนด์ซึ่งเป็นผู้แต่งเพลงฟินแลนเดีย เพลงปลุกใจชาวฟินแลนด์ให้ต่อต้านและเรียกร้องเอกราชจากรัสเซีย อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1967 โดยศิลปินหญิงชาวฟินนิชชื่อ Eila  Hiltunen

ความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เกิดจากนำแท่งเหล็กจำนวน 600 แท่ง มาเชื่อมเป็นรูปร่างออร์แกนยักษ์ที่มีความสูงกว่า 80 เมตร หนัก 24 ตัน  ไม่ใกลกันก็มีรูปปั้นโฉมหน้าของนักประพันธ์เพลง Jean Sibelius ที่ทำจากเหล็ก ชวนให้จินตนาการถึงบทเพลงอันทรงพลังของเขา

ฟินแลนด์ ดินแดนแห่งความหนาวเย็นแถบขั้วโลกเหนือ คืออีกหนึ่งหมุดหมายสำหรับนักเดินทางที่ต้องการอัดฉีดความสดชื่นและเยาว์วัยลงไปในทุกอณูเซลล์ ด้วยธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ ห่างไกลจากมลพิษ